เกี่ยวกับฉัน

- ระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด
- ...เก็บ "ความรัก" ไว้ในหัวใจ เพื่อมอบให้ "ใครสักคน" ที่รักฉัน... I'm saving my love for someone who love me.
วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2549
วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2549
โกรธ....... เกลียด........ และรัก
ในชีวิตเรามันคงต้องมีสักครั้งที่ถูกคนที่เรา "คิดว่ารัก" ทำให้เราเสียใจ ไม่ว่าเรื่องจะเล็กจะใหญ่ก็ตามการที่ผิดหวังในความรักแล้ว สำหรับคนที่ผิดหวังย่อมรู้สึกว่ามันใหญ่หลวงเสมอ เมื่อรักมากก็แค้นมากไปเป็นของคู่กัน บางคนโกรธแค้นกันเป็นปีๆ เสียใจเป็นปีๆ เสียเวลาไปกับความโกรธ ความแค้นละความโมโห ถ้าเราหันมามองและวิเคราะห์ดูแล้ว จะเห็นว่าสิ่งที่เราโมโหนั้น อันที่จริงมันเป็นกลไลป้องกันตัวอย่างนึงของเรานั่นเอง
เพราะว่าเราไม่อยากที่จะยอมรับว่าเรามองคนผิดไป เรารักคนผิดคน รักเค้าแต่ว่าเค้าก็ไม่ได้รักเราตอบเท่ากับที่เราให้ความรักกับเค้าไป ไม่มีใครหรอกที่อยากจะยอมรับว่าตัวเองนั้น พลาดไปเสียแล้ว คำว่าพลาดในที่นี้ คือพลาดมองคนไม่ออก (ไม่ใช่ให้แปลว่าพลาดท่าเสียทีนะจ้ะ) ใครละจะอยากยอมรับข้อบกพร่องของตน.........
สิ่งที่เราแสดงออกเพื่อเป็นการป้องกันตัวเราเองก็คือการที่เราโกรธ อีกฝ่ายนึง แค้นอีกฝ่ายนึง ซึ่งนั่นก็คือกลไลที่จิตใจของเราใช้เพื่อกันตัวเราไม่ให้เสียใจมากไปแค่นั้น แทนที่เราจะว่าตัวเองให้มันเจ็บใจมากขึ้นไป defense mechanism ของเราก็สั่งการให้เราพุ่งความสนใจไปที่อีกฝ่ายนึง ก็แค่นั้นเอง.........
บางคนบอกกับตัวเองว่า เราไม่รักเขาแล้ว เพราะว่าเขาทำให้เราเจ็บปวด เราไม่สนใจเค้าแล้วไม่รักแล้วเราเหลือแต่ความโกรธ ความเกลียด ไม่อยากเจอหน้ากันอีกต่อไป .....ถ้าจะบอกว่าคุณกำลังหลอกตัวเอง เพราะว่าอันที่จริงแล้วคุณก็ยังคิดถึงเขาอยู่ ...คุณจะเชื่อไหม? คุณอาจจะไม่เชื่อ และเผลอๆก็บอกว่าเอาอะไรมาพูด เกลียดเค้าจะแย่แล้วไม่ได้รักสักหน่อย .... เอ้า เชื่อไม่เชื่อลองอ่านดู
ความเกลียดกับความรัก
เพราะว่าเราไม่อยากที่จะยอมรับว่าเรามองคนผิดไป เรารักคนผิดคน รักเค้าแต่ว่าเค้าก็ไม่ได้รักเราตอบเท่ากับที่เราให้ความรักกับเค้าไป ไม่มีใครหรอกที่อยากจะยอมรับว่าตัวเองนั้น พลาดไปเสียแล้ว คำว่าพลาดในที่นี้ คือพลาดมองคนไม่ออก (ไม่ใช่ให้แปลว่าพลาดท่าเสียทีนะจ้ะ) ใครละจะอยากยอมรับข้อบกพร่องของตน.........
สิ่งที่เราแสดงออกเพื่อเป็นการป้องกันตัวเราเองก็คือการที่เราโกรธ อีกฝ่ายนึง แค้นอีกฝ่ายนึง ซึ่งนั่นก็คือกลไลที่จิตใจของเราใช้เพื่อกันตัวเราไม่ให้เสียใจมากไปแค่นั้น แทนที่เราจะว่าตัวเองให้มันเจ็บใจมากขึ้นไป defense mechanism ของเราก็สั่งการให้เราพุ่งความสนใจไปที่อีกฝ่ายนึง ก็แค่นั้นเอง.........
บางคนบอกกับตัวเองว่า เราไม่รักเขาแล้ว เพราะว่าเขาทำให้เราเจ็บปวด เราไม่สนใจเค้าแล้วไม่รักแล้วเราเหลือแต่ความโกรธ ความเกลียด ไม่อยากเจอหน้ากันอีกต่อไป .....ถ้าจะบอกว่าคุณกำลังหลอกตัวเอง เพราะว่าอันที่จริงแล้วคุณก็ยังคิดถึงเขาอยู่ ...คุณจะเชื่อไหม? คุณอาจจะไม่เชื่อ และเผลอๆก็บอกว่าเอาอะไรมาพูด เกลียดเค้าจะแย่แล้วไม่ได้รักสักหน่อย .... เอ้า เชื่อไม่เชื่อลองอ่านดู
ความเกลียดกับความรัก
ทุกคนก็คงบอกว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน เหมือนขั้วบวกและขั้วลบ หรือเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้ แต่ถ้ามองให้ดีๆแล้ว ถ้าไม่มีความเกลียด ก็ย่อมไม่มีความรัก....ถ้ามีความรัก...โอกาสที่จะเกลียดมันก็มี ถ้าคุณอยากจะบอกว่าคุณไม่รักแล้ว ไม่ได้รู้สึกรักแล้ว เหลือแค่ความเกลียด.... เพราะฉะนั้นขอถามว่า ถ้าคุณไม่รัก และเค้าก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับคุณ คุณจะไปเกลียดเค้าทำไมกัน คุณเกลียดเค้าไป เค้าก็ไม่ได้รับรู้อะไรด้วย สิ่งที่คุณรับรู้ มันก็มีอยู่แค่ในใจคุณนั่นแหละ ยิ่งเกลียดมากเท่าไหร่ ก็แสดงว่าคุณยังรักเค้าอยู่มากเท่านั้น
ถ้าเมื่อใดที่คุณไม่รู้สึกโกรธ หรือเกลียดอะไรกับคนที่เคยทำให้คุณเจ็บใจนั่นแหละค่ะถึงจะบอกได้ว่าคนๆนั้นไม่มีความสำคัญกับคุณแล้วจริงๆ............ รักษาใจกันหน่อยดีไหม
ถ้าเมื่อใดที่คุณไม่รู้สึกโกรธ หรือเกลียดอะไรกับคนที่เคยทำให้คุณเจ็บใจนั่นแหละค่ะถึงจะบอกได้ว่าคนๆนั้นไม่มีความสำคัญกับคุณแล้วจริงๆ............ รักษาใจกันหน่อยดีไหม
วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2549
ยางลบ..กับการแก้ไขสิ่งผิดพลาด
สมัยเด็กๆ ครูสอนศิลปะท่านหนึ่งสอนฉันเสมอว่าเวลาเราใช้ดินสอวาดภาพ เราห้ามใช้ยางลบ ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของครูสักท่าไหร่
รู้แต่เพียงว่าเวลาฉันวาดภาพแล้วเส้นมันบิดเบี้ยว ฉันก็อยากจะให้มันตรงสวย แต่ทุกครั้งที่ฉันหยิบยางลบขึ้นมาเพื่อจะลบภาพนั้น ครูของฉันก็จะเตือนถึงกติกานั้นเสมอ สุดท้ายฉันจึงเลือกใช้วิธีต่อเติมภาพๆนั้นไปตามจินตนาการ
เช่นถ้าฉันตั่งใจวาดรูปหน้าคน แต่ฉันอาจเผลอวาดตากลมโตเกินไป ฉันก็จะใช้วิธีเปลี่ยนตากลมๆ นั้นเป็นแว่นตาแทน แม้นตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจว่า ทำไมฉันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ
และแม้นฉันจะไม่เคยคิดวาดรูป หน้าคนใส่แว่นมาก่อน แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่ต้องการ แถมยังภูมิใจ ว่าสามารถวาดภาพๆนั้นด้วยความมั่นใจ และไม่ต้องใช้ยางลบลบภาพเลยสักครั้ง
เวลาผ่านไป ฉันโตขึ้น ฉันเรียนรู้ว่า สิ่งที่ครูสอนวันนั้น แท้จริงแล้วมันปลูกฝังนิสัยหนึ่งให้กับฉัน นั่นคือ การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาด
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของทุกคน และในชีวิตหนึ่งก็มีหลายครั้งที่ฉันได้พบมันโดยไม่ตั่งใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้น และรวบรวมสติเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ก็คือ
การที่ฉันเข้าใจว่า ธรรมชาติของความผิดพลาด คือ การที่มันเกิดขึ้นแล้ว จะคงอยู่ถาวร ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ ลบความผิดพลาด แต่ฉันจำเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของฉันให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง
ดังนั้นถ้าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว การที่เราจะมานั่งร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอแหกกฎเพื่อใช้ยางลบกลับไปแก้ไขมันนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
สิ่งเดียวที่จะทำได้ ก็คือ รู้จักพลิกแพลงแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยสติ และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากยิ่งขึ้น ทุกคนมีดินสอหนึ่งแท่งเพื่อที่จะวาดภาพชีวิตของเราให้สวยงาม แต่เราไม่มียางลบสักก้อนที่จะเอาไปลบสิ่งที่เราทำผิดพลาดมาแล้วได้
ดังนั้นเราต้องตั่งใจ และมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น ถึงแม้นภาพที่เราวาดออกมาจะไม่เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ออกมาจากมือของเรา เราควรจะภูมิใจกับมันได้เสมอ ไม่ต้องกลัวหรอก แม้จะรู้ดีว่าสักวันหนึ่งเราอาจลากเส้นบิดเบี้ยวไปบ้าง
เพราะถึงอย่างไร ฉันยังเชื่อว่า
ถ้าสมองและหัวใจของเราทำงานอย่างเต็มที่ ภาพชีวิตเราก็งดงามได้โดยไม่ต้องใช้ยางลบ
หนูคิดถึงครูค่ะ
- - ระเด่นบุษบา - -
รู้แต่เพียงว่าเวลาฉันวาดภาพแล้วเส้นมันบิดเบี้ยว ฉันก็อยากจะให้มันตรงสวย แต่ทุกครั้งที่ฉันหยิบยางลบขึ้นมาเพื่อจะลบภาพนั้น ครูของฉันก็จะเตือนถึงกติกานั้นเสมอ สุดท้ายฉันจึงเลือกใช้วิธีต่อเติมภาพๆนั้นไปตามจินตนาการ
เช่นถ้าฉันตั่งใจวาดรูปหน้าคน แต่ฉันอาจเผลอวาดตากลมโตเกินไป ฉันก็จะใช้วิธีเปลี่ยนตากลมๆ นั้นเป็นแว่นตาแทน แม้นตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจว่า ทำไมฉันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ
และแม้นฉันจะไม่เคยคิดวาดรูป หน้าคนใส่แว่นมาก่อน แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่ต้องการ แถมยังภูมิใจ ว่าสามารถวาดภาพๆนั้นด้วยความมั่นใจ และไม่ต้องใช้ยางลบลบภาพเลยสักครั้ง
เวลาผ่านไป ฉันโตขึ้น ฉันเรียนรู้ว่า สิ่งที่ครูสอนวันนั้น แท้จริงแล้วมันปลูกฝังนิสัยหนึ่งให้กับฉัน นั่นคือ การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาด
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของทุกคน และในชีวิตหนึ่งก็มีหลายครั้งที่ฉันได้พบมันโดยไม่ตั่งใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้น และรวบรวมสติเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ก็คือ
การที่ฉันเข้าใจว่า ธรรมชาติของความผิดพลาด คือ การที่มันเกิดขึ้นแล้ว จะคงอยู่ถาวร ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ ลบความผิดพลาด แต่ฉันจำเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของฉันให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง
ดังนั้นถ้าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว การที่เราจะมานั่งร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอแหกกฎเพื่อใช้ยางลบกลับไปแก้ไขมันนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
สิ่งเดียวที่จะทำได้ ก็คือ รู้จักพลิกแพลงแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยสติ และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากยิ่งขึ้น ทุกคนมีดินสอหนึ่งแท่งเพื่อที่จะวาดภาพชีวิตของเราให้สวยงาม แต่เราไม่มียางลบสักก้อนที่จะเอาไปลบสิ่งที่เราทำผิดพลาดมาแล้วได้
ดังนั้นเราต้องตั่งใจ และมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น ถึงแม้นภาพที่เราวาดออกมาจะไม่เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่ แต่มันก็ออกมาจากมือของเรา เราควรจะภูมิใจกับมันได้เสมอ ไม่ต้องกลัวหรอก แม้จะรู้ดีว่าสักวันหนึ่งเราอาจลากเส้นบิดเบี้ยวไปบ้าง
เพราะถึงอย่างไร ฉันยังเชื่อว่า
ถ้าสมองและหัวใจของเราทำงานอย่างเต็มที่ ภาพชีวิตเราก็งดงามได้โดยไม่ต้องใช้ยางลบ
หนูคิดถึงครูค่ะ
- - ระเด่นบุษบา - -
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)