เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
...เก็บ "ความรัก" ไว้ในหัวใจ เพื่อมอบให้ "ใครสักคน" ที่รักฉัน... I'm saving my love for someone who love me.

วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549

ทางออกของ...คนขี้เหงา

เมื่อรู้สึกแล้วว่า วันนี้เราเหงาจนอยู่คนเดียวไม่ได้ ทำยังไงดี
ถ้าคุณรู้สึกตัวเองว่าเป็นคนขี้เหงา อยู่ตามลำพังคนเดียวไม่ได้ จะต้องหาเพื่อนคุยและต้องมีคนแวดล้อมมาก ๆ ถ้าต้องอยู่คนเดียวเมื่อใด จะรู้สึกเหงาจับจิตจับใจ กระวนกระวายไม่มีความสุขที่จะต้องอยู่โดยไร้เพื่อน ต้องโทรศัพท์หาเพื่อนคนนั้นคนนี้ พอได้เพื่อนพูดคุยแล้วจะรู้สึกดีขึ้น อย่างนี้ชีวิตของคุณจะต้องขึ้นอยู่กับคนอื่นและต้องพึ่งพาทางใจจากคนอื่นอยู่เสมอ


ผลเสียของการเป็นคนขี้เหงาก็มีพอสมควรเช่น ขาดความเป็นตัวของตัวเอง ไม่รู้จักตนเอง ขาดการเรียนรู้ตนเอง ทำให้เพื่อนรำคาญเพราะโทรรบกวนบ่อยๆ อาจจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยด้วย และยังเปลืองค่าโทรศัพท์อีกด้วย


ถ้าคุณคิดว่าการเป็นคนขี้เหงาทำให้คุณและผู้อื่นเดือดร้อน อยากจะปรับปรุงตนเอง ลองเลือกใช้วิธีต่อไปนี้ซิคะ


ฝึกอยู่กับตนเองให้มากขึ้น โดยกำหนดว่าวันนี้จะลองอยู่คนเดียวสักวันจะเป็น อย่างไรด้วยการฟังเพลงที่ชอบ ดูรายการโทรทัศน์ที่ชอบ พร้อมทั้งลองสำรวจความรู้สึกตนเองดูเป็นระยะว่าทนได้แค่ไหน ทำไม ถึงจะทนไม่ได้ อยู่คนเดียวมันน่ากลัวหรือเสียหายตรงไหน

หากิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทำ เช่น ทำงานบ้าน กวาดบ้าน ซักผ้า ทำความสะอาดห้อง ล้างห้องน้ำ ฯลฯ จะช่วยทำให้เพลิดเพลิน เมื่อทำกิจกรรมเหล่านี้ลุล่วงแล้ว จะได้รับความภาคภูมิใจ และได้ความสะอาดของบ้านเรือนอีกด้วยค่ะ


ทำงานอดิเรก เลือกงานที่น่าสนใจและชอบ เช่นวาดรูป เล่นดนตรี ปักผ้า งานไม้ ฯลฯ จะได้รับความเพลิดเพลินเป็นอย่างดี หรือถ้าต้องการความชำนาญ ก็อาจจะไปเรียนเสริมในสิ่งที่ชอบก็ยิ่งดียิ่งขึ้นไปอีก


การโทรศัพท์หาเพื่อน ถ้าต้องการลดระยะเวลาที่โทร ก็กำหนดว่าจะคุยกับเพื่อนกี่นาที แล้วก็ทำตามที่ตั้งใจไว้

ลองเลือกนำไปใช้ดูนะคะ จะทำให้ได้ประโยชน์ต่อตนเองค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2549

ทำอย่างไรให้งานเสร็จทันเวลาและมีประสิทธิภาพ

การทำงานให้เสร็จทันเวลาในแต่ละวัน ต้องอาศัยเคล็ดลับ ไม่ยาก ไม่ยาก
ต่อให้คุณจะยุ่งมากแค่ไหน คุณก็สามารถทำให้งานต่าง ๆ เสร็จได้ไม่ยากเลย มาดูเคล็ดลับความสำเร็จกันเถอะคือ

ความสำเร็จอยู่ในมือคุณแล้ว มาดูกันเลย ...
++เตรียมพร้อม คือเตรียมรายการที่ต้องทำในแต่ละวัน จัดลำดับความสำคัญ แล้วทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน..


++อย่ารับงานมาก ไม่ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ควรตัดสินใจเลือกทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งให้เสร็จก่อนที่จะทำงานอื่นต่อไป..


++อย่าหวังว่าทำได้ดีที่สุด เพราะการทำทุกอย่างให้ดีไม่มีที่ตินั้น ต้องใช้เวลาและพลังงานมาก ดังนั้นอย่าเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยที่ไม่สำคัญจนกลายเป็นการบริหารเวลาไม่เป็น..


++รู้จักปฏิเสธ หากไม่สามารถทำได้ทันเวลาหรือเป็นงานที่เกินกำลัง..


++อย่าเสียเวลากับกองกระดาษ ไม่ควรเก็บเอกสารทุกอย่างรวมกันไว้เต็มโต๊ะ เพราะเมื่อต้องการใช้เอกสารสำคัญจะต้องเสียเวลานาน ควรจัดทำเป็นแฟ้มเอกสารเพื่อจะใช้ได้ง่าย..


++หาคนช่วย ไม่ต้องกลัวเสียหน้า ถ้าเราเดือดร้อนแล้วบอกเพื่อน เพื่อนที่ดีจะช่วยเรา และเขาก็จะพอใจที่เราวางใจเขาให้ช่วย.. และ


++พักผ่อนบ้าง เช่น ถ้าเป็นเวลาทำงาน ควรหาเวลาพักสมองบ้าง ถ้าเป็นหลังเลิกงานก็หาสิ่งที่ทำแล้วสบายใจ เช่นอ่านหนังสือหรือดูหนังฟังเพลง

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2549

ฉันชื่อ โอกาส

ที่เมืองหนึ่งของประเทศกรีก

เคยมีรูปปั้นแกะสลักตั้งอู่ใจกลางเมือง

ปัจจุบันนี้ รูปปั้นนี้ไม่เหลือแม้แต่ซาก

แต่แผ่นที่จารึกที่บรรยายเกี่ยวกับรูปปั้นยังคงเหลืออยู่


คำบรรยายเขียนไว้ในรูปแบบการสนทนาระหว่างรูปปั้นกับคนที่เดินผ่านไปมา
รูปปั้นเอ๋ย ท่านชื่ออะไร

ฉันชื่อโอกาส

ใครเป็นคนแกะสลักท่านขึ้นมา

ช่างแกะสลักชื่อ ลีซีปัส

ทำไมท่านจึงยืนเขย่งเท้า?

เพื่อบ่งบอกว่าฉันอยู่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม

แล้วทำไมที่เท้าของท่านจึงมีปีก

เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แต่ทำไมผมด้านหน้าของท่านจึงยาวอย่างนี้

ก็เพื่อให้คนที่พบฉัน

จะได้จับฉวยไว้ได้ง่าย

แล้วทำไมหัวด้านหลังของท่านจึงล้าน

ไม่มีผมแม้แต่เส้นเดียว

ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อฉันผ่านไปแล้ว

ก็ยากที่จะจับฉันได้ใหม่

จริงด้วย ทางด้านหน้าของ โอกาส

มีผมยาวแต่ด้านหลังล้านเกลี้ยง

เพราะเมื่อปล่อยให้

โอกาส

ผ่านไปแล้ว ก็ยากที่จะจับยึดมันกลับมาได้อีก

โอกาส จึงเร้าเตือนเราทุกคนว่า

อย่ามาต่อว่าฉัน ว่า ฉันไม่เคยมาเยี่ยมกราย

เพราะบ่อยครั้งเหลือเกินที่ฉันมาเคาะประตู

แต่เธอกลับไม่อยู่บ้าน

ทุกวัน ฉันยืนรออยู่ที่หน้าบ้านเธอ

เรียกให้เธอตื่น ให้ขยันขันแข็ง

ให้รีบตัดสินใจ

ให้ลงมือทำ

ให้ออกแรง ให้สู้

เพื่อจะได้มาซึ่งชัยชนะและความสำเร็จ

จงอย่าปล่อยให้ฉันผ่านไป

เธอจะได้ไม่ต้องนั่งเสียใจในภายหลัง

ที่ฉัน โอกาส ผ่านมา แต่เธอไม่รู้จักจับฉวย

วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2549

ทำอย่างไรดีไม่มีสมาธิทำงาน

ทำงานช้าและผิดพลาดบ่อยๆ เพราะขาดสมาธิในการทำงาน
หากคุณทำงานช้าและผิดพลาดบ่อยๆ เพราะขาดสมาธิในการทำงาน ชอบคุยกับคนโน้นคนนี้ ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้อนาคตของคุณคงไม่รุ่งแน่ มาดูวิธีสร้างสมาธิในการทำงานกันดีกว่า

วิธีสร้างสมาธิในการทำงาน
สมาธิเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากในการทำงานทุกประเภท เพราะสมาธิจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ วิธีเสริมสร้างสมาธิในการทำงานมีดังนี้ครับ

-ฝึกการตั้งสมาธิในการทำงานช่วงสั้นๆ เช่น ใช้เวลา 5 นาทีเพื่อตรวจหาคำผิดจากเอกสารที่จะส่งไปให้ลูกค้า โดยไม่ยอมละสายตาจากตัวอักษร พยายามฝึกทุกวัน เมื่อทำได้ดีแล้วค่อยๆ ขยายเวลาให้ยาวขึ้น


-จัดลำดับงานที่จะทำตามความสำคัญ และจัดเอกสารให้เป็นระเบียบ


-ใช้เทปบันทึกเสียงบันทึกข้อมูลหรือคำสอนต่างๆ เพื่อฝึกสมาธิในการฟัง


-ถ้ามีทัศนคติที่ไม่ดีกับงานที่ทำอยู่ ควรเพิ่มแรงกระตุ้นหรือแรงจูงใจให้อยากทำงานนั้นมากขึ้น


-พยายามปรับปรุงสถานที่ทำงานให้ปลอดจากเสียงรบกวนต่างๆ มีแสงสว่างเพียงพอ มีการระบายอากาศที่ดี และข้อสุดท้าย ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง ถ้าจิตใจสงบ และมีสติ สมาธิในการทำงานก็จะเกิดขึ้นเอง

วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2549

วิธีแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด

อย่าได้ท้อแท้และสิ้นหวัง จงลุกขึ้นสู้ใหม่อย่างมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะประสบความล้มเหลวจากการทำงาน หรือสิ้นหวังจากสิ่งที่ทำผิดพลาด ขออย่าได้ท้อแท้และสิ้นหวัง จงลุกขึ้นสู้ใหม่อย่างมั่นใจ ด้วยเทคนิคแก้ไขข้อผิดพลาดให้ดีขึ้นดังนี้

เคล็ดลับเทคนิคแก้ไขข้อผิดพลาดให้ดีขึ้น - พยายามมองโลกในแง่ดี ด้วยความเชื่อมั่นว่าความล้มเหลวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว


- ยอมเสี่ยง แต่ไม่ยอมแพ้ คือต้องกล้าคิดและกล้าลงมือทำสิ่งท้าทายใหม่ๆ อย่ายอมแพ้เพราะกลัวจะผิดพลาดซ้ำอีก


- ตั้งเป้าหมายใหม่ และทำตามเป้าหมายด้วยความมั่นใจ


- ยอมรับอุปสรรคที่เกิดขึ้น เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามย่อมต้องมีอุปสรรคเกิดขึ้นเสมอ ถ้าเรายอมรับมันและหาทางแก้ไขหรือป้องกันอย่างเหมาะสม จะผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยดี


- ใช้ความล้มเหลวเป็นบทเรียน เพื่อค้นหาสาเหตุแห่งความผิดพลาด และข้อสุดท้าย ปิดใจให้กว้างยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นๆบ้าง ซึ่งอาจจะทำให้เราได้ข้อคิดดีๆ และมุมมองใหม่ๆ ที่กระตุ้นจิตใจให้มีพลังในการค้นหาความสำเร็จต่อไปค่ะ

เพื่อนรัก...รักเพื่อน

...... มีคนกล่าวว่า ......... ......เพื่อนแท้เหมือน หิ่งห้อย
มองเห็นชัดในความมืด
ในยามลำบาก ยามมืดมน และไร้ที่พึ่ง
เพือนแท้อยู่เคียงข้างเราเสมอ

.......มิตรภาพที่ยั่งยืนนั้นเปรียบเสมือนต้นไม้
มันไม่ได้วัดกันที่ความสูงของต้นไม้
แต่วัดกันที่ความลึกของรากต้นไม้
ที่หยั่งลึกลงไปในดินต่างหาก

.......ความทรงจำที่ดีนั้นมีคุณค่าเสมอ
เพราะนอกจากจะทำให้เรามีกำลังใจ
ที่จะก้าวเดินต่อไปได้แล้ว
ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กระทำความดี

- - ระเด่นบุษบา - -

เดินตามรอยเท้าพ่อ

นิตยสาร National Geographic ประจำเดือนตุลาคม ค.ศ.1982 ได้เทิดทูนในหลวง โดยลงบทความเรื่อง Thailand's Working Royalty หมายถึง "พระราชกรณียกิจใหญ่หลวงนัก" ท้ายสุดได้อัญเชิญพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เรื่อง "เดินตามรอยเท้าพ่อ" โดยถ่ายทอด เป็นภาษาอังกฤษ แสดงถึงพระวิริยะอุตสาหะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการประกอบพระราชกรณียกิจ ซึ่งคนไทยทุกคนสมควรที่จะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่เปรียบมิได้
The Footstep of My Father
“ Through the dark jungle, very dense,
Which stretches out interminably , somber and immense…
I follow without stopping the footstep of my Father.
Oh Father, I am dying of hunger and I am tired.
Look! The blood is running from my two wounded feet…
Father! Will we arrive at our destination?

-Child!… On the earth there exists no place
Full of pleasure and comfort for you.
Our road is not covered with pretty flowers.
Go! Always,even if it breaks your heart.
I see the thornes prick your tender skin.
Your blood: rubies on the grass, near the water.
On the green shruberry, your tears dropped.
Diamonds on emerald, show their beauty.
For all the human race does not lose its courage
In the face of pain. Be tenacious and wise.
And be happy to have and ideal so dear.
Go! If you want to walk in the Footstep of your Father.”
เดินตามรอยเท้าพ่อ
ฉันเดินตามรอยเท้าอันรวดเร็วของพ่อโดยไม่หยุด
ผ่านเข้าไปในป่าใหญ่ น่ากลัว ทึบ
แผ่ไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด มืดและกว้าง
มีต้นไม้ใหญ่เหมือนหอคอยที่แข้มแข็ง
พ่อจ๋า
ลูกหิวจะตายอยู่แล้วและเหนื่อยด้วย
ดูซิจ๊ะ
เลือดไหลออกมาจากเท้าทั้งสองที่บาดเจ็บของลูก
ลูกกลัวงู เสือ และหมาป่า
พ่อจ๋า
เราจะถึงจุดหมายปลายทางไหม?
ลูกเอ๋ย
ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนดอกที่มีความรื่นรมย์
และความสบายสำหรับเจ้า
ทางของเรามิได้ปูด้วยดอกไม้สวยสวย
จงไปเถิด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่บีบคั้นหัวใจเจ้า
พ่อเห็นแล้วว่า หนามตำเนื้ออ่อนอ่อนของเจ้า
เลือดของเจ้า เปรียบดั่งทับทิมบนใบหญ้าใกล้น้ำ
น้ำตาของเจ้าที่ไหลต้องพุ่มไม้สีเขียว
เปรียบดั่งเพชรบนมรกตที่แสดงความงดงามเต็มที่
เพื่อมนุษยชาติ จงอย่าละความกล้า
เมื่อเผชิญกับความทุกข์ให้อดทนและสุขุม
และจงมีความสุขที่ได้ยึดอุดมการณ์ที่มีค่า
ไปเถิด
ถ้าเจ้าต้องการเดินตามรอยเท้าพ่อ.

วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2549

ย่ำอยู่กับที่.....มีหรือจะก้าวหน้า

คุณเป็นคนหนึ่งที่กลัวการเปลี่ยนแปลง จนไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าหรือไม่
คนทำงานที่กลัวการเปลี่ยนแปลงระบบการปฏิบัติงาน หรือมีความคิดต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสะสมอยู่ในจิตใจจะไม่มีโอกาสได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาการทำงานของตนให้ดีขึ้น

ในที่สุดจะถูกคนอื่นแซงหน้าไป ฉะนั้นถ้าอยากมีความก้าวหน้าต้องหมั่นเตือนตนเองอยู่เสมอว่า สิ่งที่เราทำอยู่ในปัจจุบันยังไม่ดีพอ ต้องปรับปรุงให้ดีกว่าที่เป็นอยู่


ต้องเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถทำได้ และยอมรับนับถือในคุณค่าของตนเอง.... แนะนำให้เริ่มเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ง่ายๆก่อน แล้วค่อยไปสู่สิ่งที่ยากขึ้น


เพราะถ้าเป็นเรื่องง่ายก็จะเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จได้ไม่ยาก ซึ่งคนเราเมื่อทำครั้งแรกแล้วประสบความสำเร็จ ก็จะเกิดกำลังใจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งอื่นๆ ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่อไปในอนาคต... อย่างไรก็ตาม


ขอย้ำว่าการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงต้องทำอย่างต่อเนื่อง หยุดนิ่งไม่ได้ เพราะการย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่ผู้อื่นก้าวไปข้างหน้า ก็เท่ากับเรากำลังถอยหลังลงไปทุกวัน

วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2549

ทำอย่างไรเมื่อหมดไฟการทำงาน

เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกหมดความตั้งใจหรือหมดไฟในการทำงาน อย่าปล่อยให้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นนานๆ เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ควรหาทางแก้ไขด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้


หาเวลาหยุดพักช่วงสั้นๆระหว่างวัน เพื่อดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ หรืออ่านหนังสือเบาสมองเพื่อผ่อนคลายความเครียด


หยุดพักร้อน เพื่อไปพักผ่อนตากอากาศชายทะเล

พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อจะได้พูดคุย ระบายความทุกข์ หรือขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา


ลองหางานแปลกๆทำเพื่อลดความซ้ำซากจำเจ


หางานอดิเรกทำตอนเลิกงานหรือในวันหยุด เช่น เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง ปลูกต้นไม้ และเลี้ยงสัตว์


พูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว ถึงปัญหาและทัศนคติเกี่ยวกับการทำงาน ทั้งความรู้สึกที่ดีและไม่ดี อย่าเก็บความอัดอั้นไว้ในใจคนเดียว...


เมื่อจิตใจจะสบายหายเครียด ความตั้งใจและความกระตือรือร้นในการทำงานก็จะค่อยๆ กลับมาเหมือนเดิม

วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2549

ตัวหนังสือไทย





ศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
จากศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พบว่า มีข้อความที่กล่าวถึงเรื่องของตัวหนังสือไทย เอาไว้ตอนหนึ่งว่า "เมื่อก่อนนี้ลายสือไทนี้บ่มี ๑๒๐๕ ศกปีมะเมีย พ่อขุนรามคำแหงหาใคร่ใจ ในใจและใส่ลายสือไทนี้ ลายสือไทนี้จึ่งมีเพื่อขุนผู้นั้นใส่ไว้"
ได้มีผู้สันนิษฐาน เรื่องตัวหนังสือไทยไว้หลายแง่มุม เช่น จารึกอักษรที่ภาพชาดกที่ผนังอุโมงวัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย น่าจะเป็นตัวหนังสือที่มีมาก่อนตัวหนังสือจากศิลาจารึกของ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ปรับปรุงตัวหนังสือเก่าที่เคยมีมาแล้ว จัดวางสระเสียใหม่ คำว่าใส่อาจหมายถึง การกระทำเช่นนี้ แต่ก็สรุปได้ว่า แต่ก่อนไม่มีตัวหนังสือไทยแบบนี้ และเท่าที่ทราบยังไม่เคยมีผู้ทราบว่า มีตัวหนังสือไทยแบบอื่นใช้มาก่อนสมัยกรุงสุโขทัย
ไทยเราเป็นชาติที่เจริญเก่าแก่มาแต่โบราณกาล
ได้มีการศึกษาค้นคว้ามาว่า ชาติไทยนั้น เคยมีภูมิลำเนาอยู่ในดินแดน ที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีนในปัจจุบัน และเมื่อกาลเวลาผ่านไป มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายอย่าง ตามสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่ภาษาพูด คนไทยเราเห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญ ที่เรายังคงไว้ ไม่เปลี่ยนแปลงไปง่ายง่ายเหมือนเรื่องอื่น แม้ในปัจจุบัน คนที่พูดภาษา ซึ่งพอจะย้อนไปได้ว่า ต้นตอเป็นภาษาไทย มีอาศัยอยู่ทั่วไป ในดินแดนที่กว้างใหญ่ของจีน ในมณฑลอัสสัมของอินเดีย ในรัฐฉานตอนเหนือของพม่า ในลาวทั้งหมด ในเวียดนามตอนเหนือ เรายังพอพูดพอฟังเข้าใจกันได้ ในเรื่องทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน คำหลัก ๆ การสร้างรูปประโยค และไวยากรณ์ ยังคงอยู่

ภาษาจีนและภาษาไทย จัดเป็นภาษาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
ภาษาจีนและภาษาไทย จัดเป็นภาษาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เป็นภาษาที่กำหนดเอาเสียงหนึ่ง แทนความหมายหนึ่ง จึงมีคำที่มีเสียงโดดเสียงเดียวอยู่เป็นอันมาก ทำให้ต้องมีคำอยู่เป็นจำนวนมาก จึงต้องอาศัยการทำเสียงสูง เสียงต่ำ ให้มีความหมายแตกต่างกัน เพื่อให้มีเสียงพอกับคำที่คิดขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอ จึงต้องมีคำผสมของเสียงหลายพยางค์ เพิ่มเติมขึ้นอีก ความแตกต่างจากภาษาอื่นประการหนึ่งคือ เรามีเสียงวรรณยุกต์ สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระองค์ได้ทรงประดิษฐ์วรรณยุกต์ขึ้น ๒ เสียง คือ เสียงเอก และเสียงโท ซึ่งเมื่อใช้ควบกับอักษรเสียงสูงและเสียงต่ำ หรือใช้อักษร "ห" นำอักษรเสียงต่ำ ที่ไม่มีคู่อักษรเสียงสูงแล้ว ก็สามารถผันเสียงได้ถึง ๕ เสียง คือ เสียง สามัญ เอก โท ตรี และจัตวา

ภาษาจีนก็มีเสียงที่เป็นวรรณยุกต์เหมือนกัน แต่ไม่มีเครื่องหมายเขียนในตัวหนังสือ เสียงวรรณยุกต์ของจีนนี้ บ้างก็ว่ามี ๔ เสียง และสูงสุดถึง ๘ เสียง
ซึ่งเมื่อเทียบกับวรรณยุกต์ไทย ก็คงจะเป็นเสียง ที่เกิดจากวรรณยุกต์ ผสมกับสระเสียงสั้นเสียงยาว ซึ่งทางไทยเราแยกเสียงออกไปในรูปสระ ภาษาจีนและภาษาไทย มีรูปประโยคที่เกิดจากการเอาคำมาเรียงกันเป็นประโยค ข้อแตกต่างของไวยากรณ์ไทย ที่ไม่เหมือนของจีน ที่สำคัญคือ คำคุณศัพท์ขยายนาม ภาษาไทยเราเอาไว้หลังนาม แต่จีนเอาไว้หน้านาม เช่นเดียวกับภาษาอื่น ๆ คำวิเศษณ์ที่ประกอบกริยา ภาษาไทยเอาไว้ตามหลังกริยา แต่ภาษาจีนมักไว้หน้ากริยา คำวิเศษณ์ที่ประกอบคุณศัพท์ ภาษาไทยเอาไว้หลังคุณศัพท์ แต่ภาษาจีนเอาไว้หน้าคุณศัพท์ และลักษณะนาม ภาษาไทยจะไว้หลังนาม แต่ภาษาจีนเอาไว้หน้านาม