เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
...เก็บ "ความรัก" ไว้ในหัวใจ เพื่อมอบให้ "ใครสักคน" ที่รักฉัน... I'm saving my love for someone who love me.

วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2554

“ความรัก” ของคนเรา ก็มีเท้าเดินเหมือนกัน


“ความรัก” ของคนเรา ก็มีเท้าเดินเหมือนกัน
เมื่อแรกเริ่ม . . . ความรักก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เพราะ . . . อยากจะถึงจุดหมายที่หวังไว้


คือ . . . ใครคนหนึ่งที่เรารู้สึกดีๆด้วย
เมื่อสมหวังแล้วความรักก็เดินไปเรื่อยๆ
. . . ไม่ต้องก้าวยาวและเร็ว
. . . เดินไปตามปกติและก้าวต่อไปเรื่อยๆ
. . . ในช่วงนี้ถ้าเดินเร็วไปอาจจะเจอหลุมและสะดุดได้
ก็คงจะต้องเดิน . . . อย่างระมัดระวัง
. . . และก้าวให้ได้จังหวะ . . . ที่เหมาะสม


แต่เมื่อถึงเวลา . . . ที่ความรักผิดหวังหรือจบลง
ความรัก . . . ก็จะเดินช้าลง
บางทีอาจจะช้า . . . ช้าจนเหมือนเราเดินถอยหลัง


เหมือนกับ . . . คนที่หกล้มแล้วขาเจ็บ
จะเดินไม่ถนัดนัก . . . ต้องรอเวลาเพื่อรักษาให้แผลที่เกิดจากการหกล้มหาย
แล้วค่อยก้าวเดินต่อไป . . . อย่างปกติ


ความรักก็มี step ในการก้าวเดินไปอย่างนี้เรื่อยๆ
ช้าบ้าง . . . เร็วบ้าง จนกว่าจะถึงวันหนึ่งที่เราได้เจอคนที่ใช่จริงๆ
วันนั้น . . . ความรักคงเดินต่อไปได้เรื่อยๆ


ถึงจะหกล้มบ้าง ตกหลุมบ้าง
แต่ . . . ก็ยังมีคนที่คอยประคอง คอยเดินไปด้วยกัน
ไม่ใช่หกล้มแล้ว . . . ต้องลุกเดินต่อด้วยตัวเองอีกต่อไป


เมื่อความรัก . . . ก้าวเดิน
เราจึงต้องก้าวตาม . . . อย่างระมัดระวัง
จะหกล้มบ้าง จะสะดุดบ้างก็ต้องพยายามลุกขึ้น
. . . และกลับมาเดินต่อไป ให้ได้ . . .

ก่อนที่จะตัดสิน..ใครบางคน
















รู้สึกดีดี...ที่ไม่ต่างกัน


การที่เรามาเจอกัน....ฉันก็ดีใจแล้ว

การที่เราคุยเรื่องเดียวกันได้ แม้เพียงบางเรื่อง.....ฉันก็มีความสุขแล้ว

การที่เราอาจต้องห่างเหินกันบ้าง แต่ก็ยังมีความห่วงใยส่งถึง....ฉันก็มีความสุขแล้ว

การได้ทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วทำให้คุณยิ้มได้......ฉันก็แสนจะดีอกดีใจนักหนา

การที่คุณโทรหา แม้จะไม่บ่อย....แต่การรอคอยก็ทำให้ ฉันรู้ว่า..มันมีค่าแค่ไหน

และในวันที่ฉันเหงาแทบตาย......คุณกลับทำให้ฉันยิ้มได้..



....อยากขอบคุณคุณมากรู้มั๊ย  หากในวันที่แสนเหนื่อย

การได้ยินคุณถามว่าเหนื่อยไหม
......มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่า
ความอ่อนล้ามันถูกกลืนหาย ไปจนหมดสิ้น


ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า
...........ทำไมความรัก............จึงมีอยู่ในโลกกลม ๆ ใบนี้




'เหงา'..ไม่ใช่ปัญหา


“เหงา” เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ในทุกคน แต่หากคุณรู้สึกว่าเป็นคนขี้เหงา อยู่ตามลำพังไม่ได้ ต้องหาเพื่อนอยู่ตลอดเวลาหากต้องอยู่คนเดียว จะรู้สึกเหงา กระวนกระวายไม่มีความสุขต้องโทรศัพท์หาเพื่อนตลอดเวลา 
          หากเป็นเช่นนี้เหมือนชีวิตต้องขึ้นอยู่กับคนอื่น ต้องมีที่พึ่งทางใจอยู่เสมอ ก็จะเกิดผลเสียคือขาดความเป็นตัวของตัวเอง ขาดการเรียนรู้ที่จะอยู่หรือแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง และอาจทำให้เพื่อนรำคาญ หลีกเลี่ยงที่จะพูดคุย แถมยังเปลืองค่าโทรศัพท์หากเป็นเช่นนี้ ความเหงาที่เกิดขึ้นก็จะเป็นปัญหาทั้งต่อตัวเราและผู้อื่น

          ซึ่งเราอาจแก้ไขได้โดย พยายามอยู่กับตนเองให้มากขึ้น หากิจกรรมที่ชอบทำ เช่น ฟังเพลงที่ชอบ ดูโทรทัศน์ ทำงานบ้านทำงานอดิเรกที่สนใจ ลดเวลาในการโทรหาเพื่อน จำกัดเวลาในการคุยโทรศัพท์ เป็นต้น พร้อมทั้งลองสำรวจความรู้สึกของตนว่าเมื่ออยู่คนเดียวมีความรู้สึกอย่างไร ทำไมเราถึงไม่ชอบที่จะอยู่คนเดียว

         บางครั้งการอยู่คนเดียวบ้างในบางเวลา อาจช่วยให้เราได้พักได้สำรวจตัวเอง พร้อมทั้งได้เรียนรู้จักตนเองมากขึ้นอีกด้วย

 

วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

อิเหนา ตอนอิเหนาชมถ้ำกาญจนคูหา


พระเสด็จเลี้ยวลดเที่ยวชม                           มีมโนรมย์แจ่มใส
เปลวปล่องท้องถ้ำอำไพ                            พื้นลาดดาดไปด้วยเงินงาม
เพดานดาราระย้าย้อย                             ทองทับประดับพลอยเรือนอร่าม
อัจกลับแก้วมณีอัคคีตาม                         สว่างวามแวววับจับจินดา
มีชะวากวุ้งเวิ้งเป็นเชิงชั้น                        ล้วนทองคำทำคั่นกั้นฝา
ฉลักรูปสิงสัตว์นานา                               ดุนเด่นออกมาเหมือนจริง
ทั้งเนื้อนกดังเป็นเห็นประหลาด              พฤกษาชาติเหมือนจะไหวไกวกิ่ง
อันรูปเสือสีห์หมีกระทิง                           เหมือนจะย่างวางวิ่งเวียนวง

บุษบา...นางในวรรณคดีที่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ


นางบุษบาเป็นธิดาของท้าวดาหาและประไหมสุหรีดาหราวาตี แห่งกรุงดาหา เมื่อตอนประสูติมีเหตุอัศจรรย์คือ มีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งวัง ดนตรี แตรสังข์ก็ดังขึ้นเองโดยไม่มีผู้บรรเลง ประสูติได้ไม่นาน ท้าวกุเรปันก็ขอตุนาหงันให้กับอิเหนา
       บุษบาเป็นหญิงที่งามล้ำเลิศกว่านางใดในแผ่นดินชวากิริยามารยาทเรียบร้อย คารมคมคาย เฉลียวฉลาดทันคนใจกว้างและมีเหตุผล จึงผูกใจให้อิเหนารักใคร่ใหลหลงนางยิ่งกว่าหญิงอื่น
นอกจากนั้นบุษบายังเป็นลูกที่ดีอยู่ในโอวาทของพระบิดา พระมารดา ยอมแต่งงานกับระตูจรกา แม้ว่าจะไม่พอใจในความขี้ริ้วขี้เหร่ของระตูจรกาก็ตาม
        นางถูกเทวดาบรรพบุรุษ ของวงค์อสัญแดหวาคือ องค์ปะตาระกาหลาบันดาลให้ลมพายุหอบไป ทำให้นางต้องพลัดพรากจากอิเหนา และพระบิดาพระมารดาเป็นเวลาหลายปี กว่าจะได้พบอิเหนาและวิวาห์กัน โดยนางได้ตำแหน่งเป็นประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย
ลักษณะนิสัย
1.บุษบาเป็นหญิงที่มาแบบฉบับของลูกที่ดีอยู่ในโอวาทของพ่อแม่ แม้ว่านางจะไม่พอใจในรูปร่างของจรกา แต่นางก็ยอมที่จะไม่ทำตามใจตนเองเพื่อรักษาชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล
2. เป็นคนไม่เจ้ายศเจ้าอย่างหรือถือว่าตนสูงศักดิ์กว่านางจินตะหรา เห็นได้จากตอนที่จินตะหราได้ให้นางสการะวาตีและนางมาหยารัศมีมาเฝ้า บุษบาก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
3. เป็นคนไม่เหลาะแหละ รู้จักโต้เถียงแสดงความฉลาดรู้ทันอิเหนาและรักษาเกียรติของตนเองไม่ยอม หลงเชื่ออย่างง่ายๆ ในตอนที่อิเหนาพูดว่า 
 "อันนางจินตะหราวาตี     ใช่พี่จะมุ่งมาดปรารถนา 
 หากเขาก่อก่อนอ่อนมา     ใจพี่พาลาก็งวยงง……"
จากที่อิเหนาพูดนี้ก็ทำให้นางบุษบารู้ว่าอิเหนาเจรจาเข้าข้างตัวเอง นางก็โต้ตอบว่าอย่ามาแกล้งพูดเลยว่าจะไม่เลี้ยงนางจินตะหราวาตี เพราะมีลายลักษณ์อักษรและใครๆก็รู้กันทั่วว่าอิเหนาไม่ต้องการนาง นางจึงโต้ตอบ เมื่ออิเหนาแก้ตัวว่าที่ลักนางมาก็ด้วยความรักว่า
" จะให้เชื่อพจมานหวานถ้อย  จะได้ไปเป็นน้อยชาวหมันหยา
เขาจะเชิดชื่อฤาชา            ว่ารักสามีท่านกว่าความอาย
อันความอัปยศอดสู      จะติดตัวชั่วอยู่ไม่รู้หาย
ร้อนใจอะไรเล่าเจ้าเป็นชาย    ไม่เจ็บอายขายหน้าก็ว่าไป "
และตอนที่ นางบวชเป็นแอหนัง (ชี ) แลัวถูกปันหยีขโมยกริชไป นางก็คร่ำครวญต่อว่าพี่เลี้ยงด้วยความรักเกียรติสตรีว่า 
"พี่แกล้งเป็นใจด้วยปันหยี   เห็นคนอื่นดียิ่งกว่าข้า
ในถ้อยคำที่ร่ำพรรณนา       ว่าแสนเสน่หาอิเหนานัก
เป็นไฉนจึงยกน้องให้         แก่ชาวไพร่ต่ำช้าบรรดาศักดิ์
กระนี้ฤาพี่เรียกว่ารัก       พึ่งจะประจักษ์ในน้ำใจ
สู้ตายชายอื่นมิให้ต้อง      อันจะมีผัวสองอย่าสงสัย
ถึงมาตรแม้นชีวันจะบรรลัย    จะตายในความซื่อสัตยา"
4. เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองแม้ว่านางจะตกอยู่ในสภาพที่ถูกบังคับ โดยนางไม่ยอมทำตามผู้ใหญ่ ดังตอนที่ท้าวดาหามีดำรัสให้ขึ้นมาเข้าเฝ้าอิเหนา นางรู้ว่าจะให้ไปไหว้จึงเข้าไปนอนด้วยความเคืองไม่เข้าเฝ้าตามรับสั่ง จนเดือดร้อนถึงมะเดหวีต้องมาจัดการ แต่นางก็ไม่ออกมาโดยดีๆ ต้องผลักไสกัน
5.มีความซื่อสัตย์ ได้รักษาตัวไว้รอคอยอิเหนา ดังกลอนว่า
"ถึงมาตรสู้ตายชายอื่นมิให้ต้อง   อันจะมีผัวสองอย่าสงสัย
แม้นชีวันจะบรรลัย                      จะตายในความซื่อสัตยา"
6.ไม่มีจริตแง่งอน เมื่ออิเหนาลักพานางไปไว้ในถ้ำ ก็ยินยอมแต่โดยดี
7.เมื่อเป็นชาย คือมิสาอุณากรรณก็ปฏิบัติตนกับระตูประมอตันอย่างบิดาของตน
8.มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เช่น ระตูประมอตัน
9.มีความกล้าหาญจนมีระตูมาขอเป็นเมืองขึ้นหลายเมือง
10.ไม่มีความริษยาถือโกรธผู้ใด มีน้ำใจ เมื่อมารดาให้ไหว้นางจินตะหรา บุษบาก็ยอมตาม ดังที่นางกล่าวกับอิเหนาว่า
"แม้นน้องรักทักท้วงหวงหึง    พระองค์จึงห้ำหั่นเกศา
เป็นถ้อยยำคำมั่นน้องสัญญา     เชิญเสด็จเชษฐารีบคลาไคล"
และนางยอมให้อิเหนายกจินตะหราเป็นประไหมสุหรีฝ่ายขวาแต่โดยดี ด้วยเห็นว่านางจินตะหราเป็นผู้มาก่อน แม้ว่าจินตะหราจะไม่ใช่วงศ์เทวัญฯ ข้อนี้ยากที่จะหาหญิงใดเสมอเหมือน นับว่าบุษบาเป็นหญิงไทยในวรรณคดีที่สมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติคนหนึ่ง

บทละครเรื่อง..อิเหนา

 

 บทละครเรื่องอิเหนา เป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงนำเค้าเรื่องพงศาวดารชวามาดัดแปลงโดยใช้ฉากขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบไทย จึงเป็นเรื่องที่สะท้อนภาพสังคมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีเนื้อเรื่องย่อดังนี้

 มีกษัตริย์วงศ์เทวาสี่พระนคร เป็นพี่น้องกัน ครองเมืองสำคัญตามลำดับ คือ กุเรปัน ดาหา กาหลัง สิงหัดส่าหรี มเหสีของท้าวกุเรปันและท้าวดาหาเป็นพี่น้องกันด้วย ท้าวกุเรปันมีโอรสชื่อ อิเหนา ซึ่งเป็นตัวละครเอกของเรื่อง เป็นชายหนุ่มรูปงาม มีความสามารถเชี่ยวชาญในการรบ และเป็นชายที่มีเสน่ห์ เป็นที่ชื่นชอบของเพศตรงข้าม ส่วนท้าวดาหามีธิดา ชื่อ บุษบา ซึ่งรูปงามมาก เป็นนางเอกของเรื่อง

ท้าวกุเรปันและท้าวดาหา ได้หมั้นหมายอิเหนาและบุษบาไว้ตั้งแต่ยังเยาว์วัย เพื่อจะได้อภิเษกเป็นคู่ครองกันสมตามศักดิ์ศรีของวงศ์เทวา โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน ต่อมาอิเหนาเป็นผู้แทนท้าวกุเรปันไปในงานศพท้าวหมันยา ซึ่งมเหสีท้าวหมันหยาเป็นญาติ อิเหนาได้พบนาง จินตะหราวาตี ธิดาท้าวหมันหยา ได้นางจินตะหราซึ่งต่ำศักดิ์กว่าเป็นชายา เมื่อถึงเวลาจะต้องแต่งงานกับบุษบา อิเหนาซึ่งหลงนางจินตะหราอยู่ที่เมืองหมันหยาได้ปฏิเสธไม่กลับไปแต่งงานกับบุษบา ท้าวดาหาพระบิดาของบุษบากริ้วโกรธมาก จึงประชดยกนางบุษบาให้จรกา แห่งเมืองล่าสำ ซึ่งรูปชั่วตัวดำ ต่อมา วิหยาสะกำ โอรสท้าวกะหมังกุหนิงได้รูปวาดนางบุษบาที่จรกาให้ช่างลอบไปวาด แล้วเทวดามาบันดาลให้รูปวาดบุษบาหายไป ๑ รูป ไปตกอยู่ในมือวิหยาสะกำ เมื่อได้เห็นรูปก็หลงรัก ส่งทูตไปสู่ขอ แต่ท้าวดาหายกนางบุษบาให้จรกาแล้ว วิหยาสะกำแห่งเมืองกะหมังกุหนิงจึงยกทัพมาชิงนางบุษบา ท้าวกุเรปันและมเหสีส่งสารไปให้อิเหนายกทัพไปช่วยเมืองดาหา อิเหนาก็โอ้เอ้อยู่ จนต้องมีสารไปตัดเป็นตัดตายว่า

 ถึงไม่เลี้ยงบุษบาเห็นว่าชั่ว
แต่เขารู้อยู่ว่าตัวนั้นเป็นพี่
อันองค์ท้าวดาหาธิบดี
นั้นมิใช่อาฤาว่าไร
แม้นมิยกพลไกรไปช่วย
ถึงเราม้วยก็อย่ามาดูผี
อย่าดูทั้งเปลวอัคคี
แต่วันนี้ขาดกันจนบรรลัย

 เมื่ออิเหนาได้เห็นบุษบาเพียงครั้งแรกก็หลงรักและคลั่งไคล้อย่างหนัก จึงทำอุบายลักพานางบุษบาไปซ่อนไว้ในถ้ำและได้อยู่ร่วมกันมีความสุข แต่เทพยดา ปะตาระกาหลง ซึ่งเป็นอัยกา (ปู่) ไม่พอใจที่อิเหนาประพฤติตนไม่ดี จึงลงโทษบันดาลให้ลมพายุหอบนางบุษบา ซึ่งออกมาชมสวนไป และมีบันดาลให้นางกลายร่างเป็นชาย ชื่อ อุนากรรณ สาปไว้ด้วยว่า ต่อเมื่อพี่น้องสี่นครมาพบกันพร้อมหน้าเมื่อใด อุนากรรณจึงจะกลายร่างจากชายเป็นบุษบาได้ หากไม่ถึงเวลานั้น แม้อิเหนาพบบุษบา ก็ไม่สามารถจะทราบว่านางคือบุษบา ปะตาระกาหลาประทานกฤชให้อุนากรรณ ต่อจากนั้นอุนากรรณก็เที่ยวร่อนเร่พเนจรไปตามเมืองต่างๆ รบชนะได้ธิดาของเมืองต่างๆ มาร่วมเดินทาง

 ฝ่ายอิเหนาเมื่อทราบว่าบุษบาหายไป ก็ออกติดตามหา ระหว่างทางรบชนะได้เมืองต่างๆ ได้พบอุนากรรณ แม้สงสัยว่าเป็นบุษบา แต่สืบอย่างไรก็พบว่าอุนากรรณเป็นชาย ต่อมาอิเหนาปลอมตัวเป็น ปันหยี (โจรป่า) ออกตามหานางบุษบาไปทุกหนทุกแห่งด้วยความทุกข์ทรมานใจ จนในที่สุดได้พบนางบุษบาบวชเป็นแอหนัง (ชี) อยู่ที่เขาตะหลากัน และตั้งใจว่าจะฆ่าตัวตาย ปันหยีปลอมเป็นเทวดาไปลวงนางแอหนังว่าจะพาไปสวรรค์ แล้วพานางมายังเมืองกาหลัง ทำอุบายให้ประสับตาพี่เลี้ยงเล่นหนังพรรณนาเรื่องของอิเหนาและบุษบาให้นางแอหนังดู ในที่สุดปันหยีก็รู้ว่าแอหนังคือบุษบา ประจวบกับมีเหตุให้ระเด่นพี่น้องทั้งสี่เมืองมาครบ อิเหนาจึงสึกชี แอหนังเป็นบุษบา ภายหลังได้อภิเษกกัน

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะให้บทละครเรื่องอิเหนามีคุณค่าสูง ทั้งในเชิงวรรณศิลป์ และนาฏศิลป์ คีตศิลป์ เมื่อทรงพระราชนิพนธ์แต่ละตอนเสร็จแล้ว ได้โปรดเกล้าฯให้ กรมขุนพิทักษ์เทเวศร์ นำไปทดลองขับร้องประกอบดนตรี จัดท่ารำ แก้ไขปรับปรุงให้รัดกุม กระชับ จนเป็นที่พอพระราชหฤทัยทุกตอน ด้วยเหตุนี้ บทละครเรื่องอิเหนา พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงมีความไพเราะ งดงาม เพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะแห่งวรรณศิลป์ ในเชิงนาฏศิลป์ก็เป็นบทละครที่มีลีลางดงาม พระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาจึงเป็นที่ประทับใจผู้คนทุกยุคทุกสมัยตลอดมา มีผู้นำไปแสดงละคร ใช้เป็นบทขับร้อง และตีพิมพ์เผยแพร่เป็นวรรณคดีอันอมตะของชาติ และในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วรรณคดีสโมสร ได้ตัดสินให้ อิเหนาเป็นยอดแห่งกลอนบทละคร

 พระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนานี้ นอกจากมีคุณค่าสูงเชิงวรรณศิลป์และนาฏศิลป์ คีตศิลป์ (ขับร้องและดนตรี) แล้ว ยังมีคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ ด้วย เช่น สะท้อนภาพบ้านเมืองในสมัยต้นรัตนโกสินทร์
 ท้องสนามแกล้งปราบราบรื่น
 พ่างพื้นปถพีไม่มีหญ้า
กว้างใหญ่ไพศาลสุดตา
เตียนสะอาดดาษดาด้วยทรายทอง

ภาพเรือพระราชพิธี 
ประตูลักลงท่าชลาลัย
มีโรงเรือเรียงไปริมฝั่ง
เรือศรีสุวรรณบัลลังก์
เรือแข่งเรือที่นั่งตั้งบนม้า
เรือกิ่งเอกไชยใส่บุษบก
งามกระหนกลวดลายท้ายหน้า

ท่ามกลางทางท้องสถกมาศ
ลำดับดาดอิฐแผ่นแน่นหนา
บ้านช่องสองข้างมรรคา
ล้วนเคหาหน้าถึงนั่งร้าน
เหล่าพวกกรมท่าเจ้าภาษี
มั่งมีสมบัติพัสถาน
เรือนริมรัตยาฝากระดาน
ตึกกว้านบ้านขุนนางนองเนือง
สุเหร่าเรียงเคียงคั่นปั้นหยา
ก่อผนังหลังคามุงกระเบื้อง
ศาลเทพารักษ์หลักเมือง
นับถือลือเลื่องทั้งกรุงไกร
 เสาชิงช้าอาวาสวัดพราหมณ์
ทำตามประเพณีพิธีไสย
หอกลองอยู่กลางเวียงชัย
แม้นเกิดไฟไพรีตีสัญญา
สะพานช้างทางข้ามคชสาร
ก่ออิฐปูกระดานไม้หนา
คลองหลอดแลลิ่วสุดสายตา
น้ำลงคงคาไม่ขอดเคือง
นาวาค้าขายพายขึ้นล่อง
ตามแม่น้ำลำคลองแน่นเนื่อง
แพจอดตลอดท่าหน้าเมือง
นองเนืองเป็นขนัดในนัที

สถานที่ตามที่ปรากฏในเรื่อง อิเหนา ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน

นอกจากนั้น ยังกล่าวถึง ขนบประเพณีสำคัญทั้งในราชสำนักและในหมู่สามัญชน การดำรงชีวิต สภาพเศรษฐกิจการค้าอาชีพ การแต่งกาย เครื่องใช้ต่างๆ รวมทั้งศาสนาและศิลปวัฒนธรรมของไทยในอดีต ซึ่งบางอย่างยังเป็นแบบแผนประเพณีตกทอดมาถึงปัจจุบัน เช่น ประเพณีสมโภชลูกหลวงประสูติใหม่ ประเพณีการพระเมรุ ซึ่งยังคงเป็นแนวปฏิบัติอยู่ในราชสำนักของไทย และให้ความรู้เกี่ยวกับประเพณีอื่นๆ เช่น แห่สระสนานใหญ่ ประเพณีโสกันต์ ซึ่งนักปราชญ์ทางวรรณคดีและสังคมศาสตร์กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ตรงตามตำราราชประเพณีโบราณ เพียงแต่ทรงดัดแปลงแก้ไขให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง ดังนั้น คนไทยสมัยต่อมาจนถึงปัจจุบัน จึงนิยมยกย่องและศึกษาสืบทอดเรื่องอิเหนาตลอดมา ซึ่งนอกจากได้รับความเพลิดเพลิน ได้รับอรรถรสอันเปี่ยมด้วยคุณค่าทางวรรณศิลป์แล้ว ยังได้รับประโยชน์ด้านความรู้อันเป็นแบบแผนแนวทางในการดำรงชีวิตเป็นอย่างดี เช่น คติในข้อที่บุตรธิดาไม่เชื่อฟังอยู่ในโอวาทบิดามารดา คือ อิเหนา ซึ่งต้องประสบเคราะห์กรรม พลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก ต้องได้รับความทุกข์ทรมานยากลำบากสาหัสในการร่อนเร่ติดตามหานางบุษบาเป็นเวลาช้านานกว่าจะพ้นปัญหา ความรักหลงในอิสตรี อาจนำมาซึ่งความเดือดร้อนถึงชีวิต เช่น วิหยาสะกำ และความรักลูกตามใจจนเกิดภัยแก่ชีวิตทั้งของตนและลูก เช่น ท้าวกะหมังกุหนิง พระบิดาของวิหยาสะกำ เป็นต้น

พรุ่งนี้ไม่เคยมาถึง



เราต่างมีวันนี้ นาทีนี้ และวินาทีนี้เท่านั้น
หลายครั้งที่เราบอก กับตัวเองว่า "พรุ่งนี้" พรุ่งนี้ค่อยทำ
พรุ่งนี้ฉันจะรักเธอ พรุ่งนี้ฉันจะฝึกสมาธิ
 พรุ่งนี้ฉันจะกินมังสวิรัติ พรุ่งนี้ฉันจะเลิกบุหรี่
พรุ่งนี้ฉันจะขอโทษเขา พรุ่งให้อภัย สารพัดสารพันพรุ่งนี้....
แต่ พรุ่งนี้..ไม่เคยมาถึง
ในความเป็นจริง เราไม่ได้มีชีวิตอยู่กับ วันพรุ่งนี้
เรามีชีวิตอยู่ในขณะนี้ กับห้วงเวลานี้เท่านั้น
ไม่มีใครจะล่วงรู้ได้เลยว่าเสี้ยววินาทีต่อจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้น
หากห้วงยามนี้ฉันหลับตาลง และหลับไปอย่างนิจนิรันดร์
คงมีหลายอย่างที่ฉันพลาดไป และไม่ได้ทำในชีวิต
หลายครั้งเรารอให้โอกาสมาถึง รอให้วันพรุ่งนี้มาถึง
แต่โอกาสไม่มีวันมาถึง วันพรุ่งนี้ไม่เคยมาถึง
ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาที่เราสร้างขึ้น
ไม่เพียงแต่เรากำลังหลอกตัวเอง แต่เรากำลังหลอกคนรอบข้าง
จริงแล้ว โอกาสอยู่ในมือเราแล้วตอนนี้ เวลานี้
 โอกาสอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา
และก่อนที่เราจะมาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ
 พระพุทธเจ้าสอนเราให้อยู่กับ "ปัจจุบันขณะ"
อาจารย์ศิลป์ พีระศรี พูดว่า
"พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว"
 "โอโช" บอกเราว่า "Why Tomorrow?,Why not now.!"
 ใช่สิ ทำไม...ทำไมไม่เดี๋ยวนี้!
 เราเคยลองถามตัวเองไหม หากได้มองกลับเข้าไปในชีวิต
เราชอบที่จะผลัดวันประกันพรุ่งให้กับตัวเองและชีวิต
 จริงแล้วการผลัดวันประกันพรุ่งเป็นเพียงกลอุบายของจิต-ที่ทำให้เรารู้สึกมีความหวัง
แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เราพลาดโอกาสไป
ในที่สุดเราก็จะมาถึงทางตันของชีวิต คือ "ความตาย"
และ สุดท้ายแล้วก็ไม่มีโอกาสใดๆ หลงเหลืออีกเลยในชีวิต
ทำไมเราไม่ลองคิดว่า เราเหลือเพียงวินาทีสุดท้ายในชีวิต
เรากำลังจะตายไปจากโลกนี้ หรือโลกนี้จะแตกดับไปในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
หากคิดเช่นนั้น...ชีวิตเราคงจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง...
 เราคงจะมีชีวิตอยู่กับ "ชีวิตจริงๆ" ของเรามากขึ้น
มากกว่าที่มีชีวิตอยู่กับบ้านหลังใหญ่ หรือหลังต่อไป
รถคันใหม่ หรือคันต่อๆ ไป หรือตัวเลขที่เพิ่มขึ้น หรือลดลงในธนาคาร
เก้าอี้ในสำนักงาน ตำแหน่งที่วาดหวัง หรืออยู่กับการเข่นฆ่า แย่งชิงความเป็นใหญ่
หรือการทำสงครามใดๆ ในโลก
คนส่วนใหญ่วางแผนการดำเนินชีวิตไว้ราวกับว่า
ชีวิตคือสิ่งที่ออกแบบได้ตายตัว และเป็นอมตะนิรันดร์
 เขาวางไว้ว่าจะเรียนจบเมื่ออายุ 21 หลังจากนั้นทำงาน
เก็บเงินแต่งงานเมื่ออายุ 29
จะมีลูกเมื่อ อายุ 32 แล้วก็จะปลดละวางตัวเองตอนอายุ 50
เสร็จแล้วก็จะเดินทางค้นหาความจริงให้กับชีวิต หรือจะเข้าวัด
บ้างก็ว่าจะเดินทางรอบโลก บ้างก็ว่าจะพักผ่อนหาความสุขให้กับชีวิต
แต่เราแน่ใจได้หรือว่า วันเหล่านั้นจะมาถึง หรือคุณจะมีชีวิตอยู่ไปจนถึงวันนั้น
ไม่หรอก...มันไม่มี เรามีเพียงวันนี้ และวินาทีนี้เท่านั้น
อย่าลังเลที่จะทำอะไร หรือเติมสิ่งดีๆให้ชีวิตเลย
การพักผ่อนไม่ใช่จะมีได้เมื่อตอนปลดเกษียณ
ฮันนีมูนก็ไม่ได้เกิดขึ้นได้เฉพาะตอนแต่งงานใหม่ๆ
การจะบอกรักใครสักคนก็ไม่ใช่บอกในวันที่เขาลาจากโลกนี้ไปแล้ว
 หรือบางครั้งเราเองต่างหากที่จะจากโลกนี้ไปก่อนที่จะได้บอกคำนั้นกับใครสักคน
การค้นหาความจริงแห่งชีวิตก็เฉกเช่นเดียวกัน
มันไม่มีป้ายบอก วัน/เดือน/ปี ที่ผลิต และวันหมดอายุ
มันมีอยู่จริงไม่ว่าเราจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่ก็ตาม
มีแต่ชีวิตเราต่างหากที่มีวันหมดอายุ
หากวันนี้เราคิดที่จะศึกษาหรือค้นหาความจริงแห่งชีวิต
ความจริงก็ได้เปิดออกอยู่ตรงหน้าเราแล้ว
อย่ารีรออีกเลย
เพราะพรุ่งนี้... จะไม่มีวันมาถึง

...กำเนิดบุษบาค่ะ...

 

จึงประสูติพระธิดายาใจ
งามวิไลล้ำเลิศเพริศพราย
อันอัศจรรย์ที่บันดาด
...ก็อันตรธานสูญหาย
ยังกลิ่นหอมรวยชวยชาย
จึงถวายพระนามตามเหตุนั้น
ชื่อระเด่นบุษบาหนึ่งหรัด
ลออเอี่ยมเทียมทัดนางสวรรค์
นางในธรณีไม่มีทัน
ผิวพรรณผุดผ่องดังทองทา