เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
...เก็บ "ความรัก" ไว้ในหัวใจ เพื่อมอบให้ "ใครสักคน" ที่รักฉัน... I'm saving my love for someone who love me.

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้อเสียของคน 12 ราศี


ราศีเมษ (21 มี.ค.-20 เม.ย.) - แม้จะเป็นชาวราศีที่น่าตื่นเต้นชวนสนใจกว่าใคร แต่ก็ใจร้อนใจเร็ว ไม่อดทน อยู่สงบ ๆ ไม่เป็น สะเพร่า บุ่มบ่าม เจ้าโทโส เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางโลก หัวดื้อ ตลบตะแลง ชอบบงการและเพียบพูนด้วยตัณหา ความทะยานอยาก

     ราศีพฤษภ (21 เม.ย.-21 พ.ค.) - ข้อเด่น คือเป็นคนหน้าตาดีเอามาก ๆ แต่ก็ดื้อหัวชนฝาทีเดียวเชียว นิยมวัตถุ ขี้อิจฉา เจ้าคิดเจ้าแค้น ชอบทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตามใจตัวเอง ดันทุรัง ชอบโต้แย้งเป็นที่สุด

     ราศีเมถุน (22 พ.ค.-21 มิ.ย.) - ถึงจะเป็นคนที่สนุกสนานรื่นเริงเป็นสองเท่าเมื่อคบหา แต่ส่วนเสียประจำราศีนี้ก็คือ เหลาะแหละ โลเล ขี้เบื่อ กวนประสาท อยู่ไม่สุข ช่างกังวลและเครียดง่าย ชอบสอดรู้สอดเห็น ชอบยักย้ายเปลี่ยนแปลง และมักพาลหาเรื่องทะเลาะวิวาท

     ราศีกรกฎ (22 มิ.ย.-23 ก.ค.) - เป็นชาวราศีที่น่ารักมีน้ำใจกว่าใครอื่น ทว่า ข้อเสียคือชอบผัดวันประกันพรุ่ง ขี้ระแวง นึกถึงแต่ตัวเอง หงุดหงิดง่าย ทำอะไรไม่เรียบร้อย อยากได้โน่นนี่ ไม่ตรงไปตรงมา ขุ่นใจเป็นประจำ หวั่นไหวง่าย ถ้าเป็นหญิง ก็มักน้ำตาหยดบ่อย เพราะอารมณ์กระฉูดอยู่เสมอ

     ราศีสิงห์ (24 ก.ค.-23 ส.ค.) - ชาวสิงห์เกิดมาเป็นนักปกครอง จึงมักหยิ่งยโส โอหัง เชื่อมั่นตัวเองจนล้นเกิน มีความทะเยอทะยานสูง ชอบคุยโว ชอบวางมาด ขี้อิจฉา เจ้าทิฏฐิ เจ้าเล่ห์ ชอบควบคุม อวดดี ชอบก้าวก่ายแทรกแซง และครบเครื่องเรื่องตัณหาทั้งโลภะ ราคะ โทสะ และโมหะ (ครบสูตรเลย)

     ราศีกันย์ (24 ส.ค.-23 ก.ย.) - เป็นชาวราศีที่สุดเซ็กซี่ แต่ก็สามารถครองตำแหน่งจอมจู้จี้ จุกจิก ชอบติ ชอบบ่น เจ้าทุกข์ ช่างวิตกกังวล โลเล ชอบอวดรู้ ชอบโต้แย้ง

     ราศีตุล (24 ก.ย.-23 ต.ค.) - ชาวราศีนี้สุดฟู่ฟ่าก็จริง หากชอบหนีปัญหา ไม่ยอมตัดสินใจไม่ว่าเรื่องอะไร ชอบนินทา เป็นนักยักย้ายเปลี่ยนแปลง ถูกชักจูงง่าย ถูกหลอกก็ง่าย ชอบเหมางาน เจ้าชู้ เอาแต่ใจตัวเอง ทนการวิจารณ์ติติงไม่ได้เลย

     ราศีพิจิก (24 ต.ค.-22 พ.ย.) - มีลับลมคมนัย คิดมาก ขี้หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวนง่ายและรุนแรง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ดื้อรั้น ขี้โมโห ขี้อิจฉา ชอบเรียกร้องคนอื่น เจ้าคิดเจ้าแค้น แล้วก็เป็นอีกราศีที่บริบูรณ์ด้วยตัณหานานา

     ราศีธนู (23 พ.ย.-21 ธ.ค.) - เป็นพวกมองโลกในแง่ดีอย่างหลับหูหลับตา อยู่นิ่งไม่ได้ ไม่มีไหวพริบ ชอบเป็นเผด็จการ ไม่ยอมใคร เชื่อมั่นตนเองจนล้นเกิน ชอบเรียกร้องคนอื่น ทื่อมะลื่อ ขวานผ่าซาก ชอบอยู่ตามลำพัง ไม่สนใจใคร และไม่รับผิดชอบ แต่น่าแปลกที่ใคร ๆ กลับมารุมตอมชาวราศีนี้กัน

     ราศีมังกร (22 ธ.ค.-20 ม.ค.) - เอาใจยาก ช่างติ ขี้ระแวง ทะเยอทะยานสูง หัวรั้น เข้มงวด ช่างวิตกกังวล มักเก็บความขุ่นเคืองไว้ในใจ ชอบไต่เต้าแสวงหาตำแหน่งหรือสถานภาพสูง ๆ ไม่เคยพึงพอใจอะไรเลย

     ราศีกุมภ์ (21 ม.ค.-19 ก.พ.) - ชาวราศีนี้แม้ดูสมบูรณ์แบบไปหมด แต่เป็นพวกไร้อารมณ์ ไม่มีไหวพริบ ชอบมีความลับ เย็นชา ไม่อ่อนไหว ดันทุรัง ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ต่อต้านสังคม เดาใจยาก มักมีอะไรประหลาด ๆ หรือ ทำอะไรพิลึกพิลั่น

     ราศีมีน (20 ก.พ.-20 มี.ค.) - นี่ก็เป็นอีกราศีที่ชอบหลบเลี่ยงปัญหา ชอบมีลับลมคมใน และทำตัวเป็นปริศนา ใจลอยเป็นที่หนึ่ง จะพูดจะทำอะไรก็คลุม ๆ เครือ ๆ ไม่ชัดเจน ขี้เกียจหลุดโลก ลังเล อ่อนไหวเกินเหตุ ถูกหลอก หรือถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควรได้ง่าย เพราะอย่างนี้หรือเปล่าไม่รู้ เลยมีข้อเด่นคือ เป็นชาวราศีที่ฮอต คนชอบคบหาเป็นที่สุด

จงกล้าหาญ...ที่จะเป็นคนโดดเดี่ยว


ถ้าหากเราทำดีและถูกต้อง

จะทำให้เรากลายเป็นคนโดดเดี่ยว

ท่ามกลางคนที่เห็นดีในการทำชั่ว

ก็จงกล้าหาญเถิด ที่จะเป็นคนโดดเดี่ยว

จงกล้าที่จะแตกต่างอย่างภาคภูมิใจ

ดีกว่าที่จะยอมทำในสิ่งผิด ๆ

เพียงเพื่อที่จะให้หมู่คนชั่วยอมรับตัวเรา

ความดีและความถูกต้องจะ

ทำให้เราอิ่มเอิบอยู่ในใจ

ทำให้เรารู้สึกได้ถึงคุณค่า

ของความเป็นคน

แม้ว่าการทำดีในบางครั้ง

อาจทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวบ้าง

ก็ช่างมันเถิด

ทุกสิ่งก็เป็น..เช่นนั้นเอง



เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ


เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ


เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต


เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)


เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ


เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย


เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต


เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี


เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง


เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง


เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ


เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง


เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง


เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม


เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์


เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด


เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบททดสอบที่ว่ามารไม่มีบารมีไม่เกิด


เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรมในวิกฤตย่อมมีโอกาส


เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต


เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

ผู้แพ้-ผู้ชนะ

ผู้แพ้ ผู้ชนะ

 
ผู้ชนะ   ก้าวไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ

ผู้แพ้    มีสองระดับความเร็วคืออารมณ์ที่รุนแรงและความหม่นหมอง


ผู้ชนะ   ทำในสิ่งที่จำเป็นด้วยความฉลาดและสงวนกำลังไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มีทางเลือก

ผู้แพ้    ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำด้วยความไม่พอใจ   จึงไม่เหลือพลังไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มี     ทางเลือก


ผู้ชนะ   ทำงานหนัก ได้งานและมีเวลาเหลือ

ผู้แพ้     ยุ่งอยู่ตลอดเวลากับสิ่งที่เรียกว่าจำเป็น     แต่ไม่ได้การได้งาน


ผู้ชนะ   พยายามไม่ทำร้ายผู้อื่นและทำบ้างก็อย่างมีเป้าหมายที่สูงกว่า

ผู้แพ้     ไม่ต้องการทำร้ายใครเลย...แต่ก็ทำร้ายผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้ตัว


ผู้ชนะ    ใช้ข้อบกพร่องของตนเองให้เป็นผลดี

ผ้แพ้     กลับทำลายข้อดีของตนเอง....เพื่อรักษาข้อบกพร่องเอาไว้


ผู้ชนะ    นำปัญหาใหญ่มาแยกย่อยเป็นส่วนและแก้ทีละส่วนจากง่ายไปสู่ยาก

ผู้แพ้      นำปัญหาย่อย ๆ มาปะปนกัน....จนเป็นปัญหาใหญ่ไม่รู้จะเริ่มแก้ที่จุดใด


ผู้ชนะ    ตอบโต้และให้อภัย

ผู้แพ้     ขลาดเกินกว่าจะตอบโต้และใจแคบเกินกว่าจะให้อภัย


ผุ้ชนะ    มองด้านดีของผู้ร่วมงานและประสานด้านนั้นเข้ามาสู่การทำงาน

ผู้แพ้      มองเห็นแต่ข้อด้อยและตอกย้ำ ....การประสานงานจึงล้มเหลว


ผู้ชนะ    ยอมรับอคติของตน..เมื่อต้องใช้วิจารณญานตัดสิน ก็พยายามแก้ไขอคตินั้น ๆ

ผู้แพ้     ปฏิเสธอคติของตน..... อคตินั้นจึงถูกกักขังเอาไว้ตลอดชีวิต


ผู้ชนะ    ไม่เกรงกลัวที่จะเปลี่ยนความคิดเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ผู้แพ้      เข้มงวดกับกรอบระเบียบมากกว่าความถูกต้องความสมควร


ผู้ชนะ    คือผู้ที่เอาจริงเอาจังโดยไม่ต้องวางท่าอย่างเป็นทางการ

ผู้แพ้      มักวางท่าอย่างเป็นทางการเสมอ เพื่อทดแทนการไร้ซึ่งความสามารถ
              ในการเอาจริงเอาจัง

ฮั่นหยกหย่วน ซาลาเปา แห่ง หมู่บ้านทับหลี ระนอง

ฮั่นหยกหย่วน ซาลาเปา แห่ง หมู่บ้านทับหลี ระนอง





วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

ภาพแห่งความทรงจำ - ชบาริมรั้ว

ช บ า บ้ า น ป่ า ส ว ย ส บ า ย ต า แ ม้ ว่ า ไ ม่ ห อ ม
คุ ณ ค่ า น้ อ ย ก ว่ า พ ย อ ม ย า ม ย า ก
แ ต่ ก็ รั ก เ จ้ า ม า ก ก ว่ า ด อ ก ฟ้ า
ถึ ง จ ะ เ ป็ น ไ ด้ แ ค่ ผ ก า ริ ม รั้ ว
แต่ก็ ...อ ย่ า เ ล ย อ ย่ า ก ลั ว... พี่ เ มิ น