ผู้ชนะ ก้าวไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ
ผู้แพ้ มีสองระดับความเร็วคืออารมณ์ที่รุนแรงและความหม่นหมอง
ผู้ชนะ ทำในสิ่งที่จำเป็นด้วยความฉลาดและสงวนกำลังไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มีทางเลือก
ผู้แพ้ ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำด้วยความไม่พอใจ จึงไม่เหลือพลังไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มี ทางเลือก
ผู้ชนะ ทำงานหนัก ได้งานและมีเวลาเหลือ
ผู้แพ้ ยุ่งอยู่ตลอดเวลากับสิ่งที่เรียกว่าจำเป็น แต่ไม่ได้การได้งาน
ผู้ชนะ พยายามไม่ทำร้ายผู้อื่นและทำบ้างก็อย่างมีเป้าหมายที่สูงกว่า
ผู้แพ้ ไม่ต้องการทำร้ายใครเลย...แต่ก็ทำร้ายผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้ตัว
ผู้ชนะ ใช้ข้อบกพร่องของตนเองให้เป็นผลดี
ผ้แพ้ กลับทำลายข้อดีของตนเอง....เพื่อรักษาข้อบกพร่องเอาไว้
ผู้ชนะ นำปัญหาใหญ่มาแยกย่อยเป็นส่วนและแก้ทีละส่วนจากง่ายไปสู่ยาก
ผู้แพ้ นำปัญหาย่อย ๆ มาปะปนกัน....จนเป็นปัญหาใหญ่ไม่รู้จะเริ่มแก้ที่จุดใด
ผู้ชนะ ตอบโต้และให้อภัย
ผู้แพ้ ขลาดเกินกว่าจะตอบโต้และใจแคบเกินกว่าจะให้อภัย
ผุ้ชนะ มองด้านดีของผู้ร่วมงานและประสานด้านนั้นเข้ามาสู่การทำงาน
ผู้แพ้ มองเห็นแต่ข้อด้อยและตอกย้ำ ....การประสานงานจึงล้มเหลว
ผู้ชนะ ยอมรับอคติของตน..เมื่อต้องใช้วิจารณญานตัดสิน ก็พยายามแก้ไขอคตินั้น ๆ
ผู้แพ้ ปฏิเสธอคติของตน..... อคตินั้นจึงถูกกักขังเอาไว้ตลอดชีวิต
ผู้ชนะ ไม่เกรงกลัวที่จะเปลี่ยนความคิดเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ผู้แพ้ เข้มงวดกับกรอบระเบียบมากกว่าความถูกต้องความสมควร
ผู้ชนะ คือผู้ที่เอาจริงเอาจังโดยไม่ต้องวางท่าอย่างเป็นทางการ
ผู้แพ้ มักวางท่าอย่างเป็นทางการเสมอ เพื่อทดแทนการไร้ซึ่งความสามารถ
ในการเอาจริงเอาจัง
ผู้แพ้ มีสองระดับความเร็วคืออารมณ์ที่รุนแรงและความหม่นหมอง
ผู้ชนะ ทำในสิ่งที่จำเป็นด้วยความฉลาดและสงวนกำลังไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มีทางเลือก
ผู้แพ้ ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำด้วยความไม่พอใจ จึงไม่เหลือพลังไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มี ทางเลือก
ผู้ชนะ ทำงานหนัก ได้งานและมีเวลาเหลือ
ผู้แพ้ ยุ่งอยู่ตลอดเวลากับสิ่งที่เรียกว่าจำเป็น แต่ไม่ได้การได้งาน
ผู้ชนะ พยายามไม่ทำร้ายผู้อื่นและทำบ้างก็อย่างมีเป้าหมายที่สูงกว่า
ผู้แพ้ ไม่ต้องการทำร้ายใครเลย...แต่ก็ทำร้ายผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้ตัว
ผู้ชนะ ใช้ข้อบกพร่องของตนเองให้เป็นผลดี
ผ้แพ้ กลับทำลายข้อดีของตนเอง....เพื่อรักษาข้อบกพร่องเอาไว้
ผู้ชนะ นำปัญหาใหญ่มาแยกย่อยเป็นส่วนและแก้ทีละส่วนจากง่ายไปสู่ยาก
ผู้แพ้ นำปัญหาย่อย ๆ มาปะปนกัน....จนเป็นปัญหาใหญ่ไม่รู้จะเริ่มแก้ที่จุดใด
ผู้ชนะ ตอบโต้และให้อภัย
ผู้แพ้ ขลาดเกินกว่าจะตอบโต้และใจแคบเกินกว่าจะให้อภัย
ผุ้ชนะ มองด้านดีของผู้ร่วมงานและประสานด้านนั้นเข้ามาสู่การทำงาน
ผู้แพ้ มองเห็นแต่ข้อด้อยและตอกย้ำ ....การประสานงานจึงล้มเหลว
ผู้ชนะ ยอมรับอคติของตน..เมื่อต้องใช้วิจารณญานตัดสิน ก็พยายามแก้ไขอคตินั้น ๆ
ผู้แพ้ ปฏิเสธอคติของตน..... อคตินั้นจึงถูกกักขังเอาไว้ตลอดชีวิต
ผู้ชนะ ไม่เกรงกลัวที่จะเปลี่ยนความคิดเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ผู้แพ้ เข้มงวดกับกรอบระเบียบมากกว่าความถูกต้องความสมควร
ผู้ชนะ คือผู้ที่เอาจริงเอาจังโดยไม่ต้องวางท่าอย่างเป็นทางการ
ผู้แพ้ มักวางท่าอย่างเป็นทางการเสมอ เพื่อทดแทนการไร้ซึ่งความสามารถ
ในการเอาจริงเอาจัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น